คนล้นคุก คนเบิกทาง

คนล้นคุก

คนล้นคุก จากหนังสือ “ภูเขามิสถานกรุงศรีอยุธยา” ซึ่งกรมศิลปากรคาดการณ์ว่า คนเขียนกำเนิดล้ำสมัยครั้งกรุงศรีเป็นราชเมือง แม้กระนั้นมาเขียนหนังสือในกรุงรัตนโกสินทร์ กรมศิลปากรส่งหนังสือให้พระยาโบราณราชธานินทร์เมื่อครั้งยังเป็นสมุหเทศาภิบาลบริเวณอยุธยาไต่สวน ในหนังสือเอ่ยถึงผู้ต้องขังรวมทั้งตารางในกรุงศรีอยุธยาว่า

Table of Contents

คนล้นคุก การจองจำในจารีตยุติธรรมแบบไทยๆ

“…อนึ่งมีตารางสำหรับใส่คนโทษมิจฉาชีพปล้นแปดตารางมีตะรางหน้าเรือนจำสำหรับใส่ลูกภรรยาอาชญากรทุกหน้าเรือนจำ ซึ่งโทษสถานเบาเป็นแต่ว่าโทษเบดเสฐ ใส่โซ่พวงละเก้าคนสิบสาวใช้รับราชการเมืองที่ีโทษร้ายแรงต่อวันพระห้าเย็นแปดเย็นสิบเอ็ดเย็นสิบห้าเย็น ก็เลยใส่พวงคอละญี่สิบสามสิบคน แล้วก็ภรรยามิจฉาชีพนั้นใส่แขนวนเชือกผูกเอวต่อกันไปผูกติดด้านหลังพวงคอออกมาท่องเที่ยวขอทานรับประทาน…”

จากการพูดคุยกันกับศูนย์ข่าวในกรมราชทัณฑ์ ที่เคยดำเนินงานคลุกคลีกับเหล่าผู้ต้องขังจำพวกโหดเหี้ยมนี้ ได้ชี้แจงว่า

ขั้นตอนของคุก เมื่อผู้ต้องขังคดีพวกนี้เข้ามาแล้ว ควรจะมีการฝึกอบรมหลักสูตร ราว 3 เดือน คนล้นคุก โดยมีการเรียนวิชาต่างๆยกตัวอย่างเช่นการละกลั้น ยับยั้งใจ ศึกษาเกี่ยวกับศาสนา ซึ่ง คนกลุ่มนี้ก็ชอบ “ฉลาดหลักแหลม” เพียงพอเข้ามาก็ปรับนิสัยรับในทันที และไม่ทำอะไรนอกครู เรียกว่าตั้งอกตั้งใจเรียน

“ผู้ต้องขังคดีทางเพศ เขาจะสอนแนวทางการข่มอารมณ์ ปล่อยอารมณ์ สิ่งที่ควรจะทำ สิ่งที่ไม่สมควรทำ เหล่านี้ทุกคน ตั้งมั่นเรียนมากมาย สอบได้คะแนนดีด้วย เรียกว่าอยู่ในเรือนจำ กระทำตัวดีทุกสิ่ง แต่ว่าเวลาใดก็ตามที่พ้นโทษออกมาแล้ว ก็ราวกับเป็นการ “ปลดปล่อยเสือเข้าป่า” เหล่านี้ก็ชอบทำไม่ถูกอีก”

หนุ่มติดคุก 6 เดือน เล่าประสบการณ์ที่ไม่อยากให้คนอื่นเข้าไปสัมผัส

ไทยไม่แพ้ชาติใดเรื่อง ‘ขังคน’

ปัญหา ‘คนล้นตาราง’ เป็นอาการสำคัญของการใช้โทษจำเรือนจำมากเกิน โดยในปี 2566 เมืองไทยมีผู้ต้องขังในคุกสูงถึง 2.6 แสนคน มากมายเป็นชั้นที่ 8 ของโลก แล้วก็ถ้าเกิดคิดเป็นอัตราส่วนต่อพลเมือง ไทยมีผู้ต้องขัง 377 คนต่อมวลชน 1 แสนคน มากมายเป็นชั้นที่ 15 ของโลก ขณะที่คุก 143 ที่ทั่วทั้งประเทศมีพื้นที่จุผู้ต้องขังได้เพียงแต่ 2.3 แสนคน พอๆกับว่าปัจจุบันนี้มีผู้ต้องขังเกินปริมาตรราว 3 หมื่นคน จำนวนนี้ยังสะท้อนความคับแคบได้น้อยกว่าข้อเท็จจริงเนื่องจากว่าเป็นการคำนวณตามมาตรฐานของกรมราชทัณฑ์ไทยที่ระบุพื้นที่นอน 1.6 ตารางเมตรสำหรับผู้ต้องขัง 1 คน ต่ำลงยิ่งกว่ามาตรฐานสากลที่กำหนดไว้ว่าควรจะมีพื้นที่นอนอย่างต่ำ 3.4 ตารางเมตรต่อคนเพื่อมีอากาศหายใจและก็แสงไฟพอเพียง เมื่อใคร่ครวญตามมาตรฐานสากลนี้คุกไทยจะต้องมีปริมาตรเพียงแค่ 1.1 แสนคน แสดงว่ามีคนล้นเรือนจำสูงถึง 1.5 แสนคนถ้าให้พื้นที่ผู้ต้องขังตามมาตรฐานสากล

ที่เหลือส่วนมากได้รับการปล่อยตัวด้วยมาตรการพักโทษรวมทั้งลดโทษของกรมราชทัณฑ์แล้วก็การพระราชทานอภัยโทษ ในระหว่างปี 2562-2565 การอภัยโทษได้เปลี่ยนเป็นอุปกรณ์หลักที่ปลดปล่อยคนออกมาจากเรือนจำได้มากถึง 2 แสนคนหรือปริมาณร้อยละ 23 ของทั้งหมดทั้งปวง (มองภาพที่ 3) ช่วยประคองความยัดเยียดในเรือนจำไม่ให้ยิ่งนักรุนแรงไปกว่าเดิมและก็ดียิ่งขึ้นบางส่วนในตอนสองปีข้างหลัง หรือกล่าวอีกนัยได้ว่า ถ้าหากในตอนปี 2562-2565 ไม่มีการอภัยโทษ อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีผู้ต้องขังมากถึง 4.6 แสนคน

ผู้ใดบ้างเป็นผู้ต้องขังในคุก

ผู้ต้องขังในคุกมิได้มีสถานะเป็นผู้ต้องขังทุกคน จากภาพที่ 1 จะมองเห็นได้ว่าหากแม้ราวจำนวนร้อยละ 80 ถูกวินิจฉัยให้ติดคุกหรือคอยการประหาร แต่ว่าอีกเกือบจะปริมาณร้อยละ 20 เป็นผู้ต้องขังระหว่างการฟ้องรวมทั้งต่อสู้คดี (ผู้ต้องขังระหว่างฯ) ซึ่งตามหลักสากลแล้วนับว่าเป็นคนบริสุทธิ์ (กระทั่งจะพิสูจน์ได้ว่ามีความผิดจริง) แม้แต่ว่าจำเป็นต้องถูกขังเพราะว่ามิได้รับการประกันตัว ที่เหลืออีกปริมาณร้อยละ 1.7 เป็นผู้จำต้องจองจำแล้วก็กักกันโดยบางบุคคลจะต้องจองจำเนื่องจากว่าขาดเงินจ่ายโทษปรับ อาทิเช่น ในปี 2565 มีบุคคลที่ได้รับการปล่อยตัวข้างหลังถูกคุมขังแทนโทษปรับราว 1.5 หมื่นคน

ดังนี้ มีนักโทษบางกรุ๊ปที่คงจะอยู่ในข่ายทำผิดด้วยความพลั้งเผลอหรือทำผิดไม่ร้ายแรง คนล้นคุก ไม่ถึงกับจะต้องใช้โทษติดคุกที่ทำให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตออกจะมากมาย เป็นต้นว่า จำนวนร้อยละ 54.5 ทำผิดทีแรก ปริมาณร้อยละ 52.3 ทำผิดไม่มากมาย ถูกทำโทษติดตะรางไม่เกิน 5 ปี ซึ่งบางทีอาจใช้การคุมปฏิบัติตัวหรือลงอาญาด้วยแนวทางอื่นอย่างการกักบริเวณในบ้านหรือให้บริการสังคมชดเชยได้ ทั้งยัง ยังมีนักโทษอีกราวปริมาณร้อยละ 11.6 ที่ถูกลงโทษในคดีเสพยา ซึ่งควรจะได้รับการบำบัดในฐานะผู้ป่วยในสถานที่ฟื้นฟูสมรรถนะ

‘คนล้นเรือนจำ’: การคุมขังในจารีตชอบธรรมแบบไทยๆ

เป็นที่เข้าใจกันอยู่ว่าคุกไทยมีปริมาณผู้ต้องขังมากมายเป็นอันดับแรกๆของโลกและก็เกินปริมาตรจนกระทั่งอยู่กันอย่างยัดเยียดในคุก เสมือนว่าสังคมไทยเต็มไปด้วยผู้กระทำผิดกฎหมายล้นเมือง แม้กระนั้นอันที่จริงแล้วปัญหา ‘คนล้นตาราง’ เป็นภาพสะท้อนถึงการใช้โทษอาญาแล้วก็โทษจำตารางเกินไป โดยมีการกระทำผิดจำนวนไม่น้อยที่ไม่รุนแรงแต่ไปสู่วิธีการทางอาญาและก็การวินิจฉัยของศาล ซึ่งหลายคดีจบลงที่การวินิจฉัยติดตะราง นอกเหนือจากนั้น มีคนอีกจำนวนไม่ใช่น้อยที่ถูกขังก่อนที่จะมีการวินิจฉัยของศาลเสมอเหมือนได้รับการลงอาญาติดตะรางล่วงหน้าเพียงแค่ด้วยเหตุว่าขาดเงินประกันตัว

ถึงแม้ว่าการปฏิวัติก่อนหน้าที่ผ่านมามีความอุตสาหะปรับให้ใช้โทษติดตะรางเท่าที่มีความจำเป็น เปิดหมดเปลือก คนคุก รวมทั้งการขังผู้ต้องหาด้วย แม้กระนั้นยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จ หลายมาตรการยังไปไม่พ้นการโต้แย้ง บางมาตรการได้รับการขับเขยื้อนไปสู่การกระทำสุดแต่ไม่เกิดผลจากที่มุ่งมาด

ในเนื้อหานี้ สถาบันเพื่อการหยุดธรรมที่เมืองไทย (TIJ) ร่วมกับ 101 PUB – 101 Public Policy Think Tank เชิญนักอ่านตรวจภาวะปัญหาคนล้นตาราง แนวโน้มการใช้โทษจำตาราง พร้อมพินิจพิจารณาหาเรื่องต้นเหตุที่เป็นปัญหาในการลดการใช้โทษจำเรือนจำ

รู้จัก “คนพวง” และก็การใช้แรงงาน “ตาราง” กับ “คุก” ยุคอยุธยาที่ต่างกัน

  • “คนพวง” เป็นผู้ใดกัน? แล้วก็การใช้แรงงาน “ตาราง” กับ “ตาราง” ในยุคอยุธยา ไม่เหมือนกันเช่นไร”

ในอดีตกาล ผู้ต้องขังที่ดินการจ่ายออกมาดำเนินงานนอก “ตาราง” จะถูกใส่พวงคอ หรือร้อยด้วยโซ่ชิดกันเป็นพวงๆเพื่อสบายสำหรับในการคุม ประชาชนเรียกผู้ต้องขังดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า “คนพวง” เป็นเรียกตามลักษณะผู้ที่ถูกจำจองดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว

เหตุผลคนคุกเกลียดชังผู้ต้องขังคดีฆ่าข่มขืนกระทำชำเรา เรื่องเล่าบาปตอบสนองในคุก

เรียกว่าเป็นเหตุ อุกอาจ สะเทือนใจตลอด คนล้นคุก สำหรับ คดี “แอม ไซยาไนด์” วางยาการฆาตกรรม แล้วก็คดีการฆ่า “น้องอ้อม” เซลส์สาวขายรถยนต์ วัย 35 ปี ที่ล่องหนไปจากค๊อฟฟี่ช็อป ในพื้นที่ อำเภอสันทราย จังหวัดจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนที่จะถูกเจอตัวแปลงเป็นศพถูกขืนใจแล้วก็การสังหาร

ไม่นานนัก ตำรวจก็ตามรวบ คนร้ายสุดเหี้ยมโหดได้ เป็นชายวัย 41 ชื่อ ณัฐพล ผันรักษาทรัพย์สิน แถมมีประวัติโชกโชน เคยก่อเหตุใช้มีดจักจี้สาว 18 ไปทำอนาจารมาแล้ว ช่วงวันที่ 10 เม.ย. พื้นฐาน ทางตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา ข่มขืน ฆ่าคนอื่นๆโดยตั้งใจ หน่วงเหนี่ยวกักคุม พาไปเพื่อการอนาจารโดยใช้ความรุนแรงปองร้าย รวมทั้งโยกย้ายซ่อนเร้นอำพรางศพ แต่ละข้อกล่าวหาจัดว่ารุนแรงแล้วก็เอาจริงเอาจัง ซึ่งหัวข้อนี้ สังคมก็เลยต้องการที่จะให้ได้รับโทษสูงสุดเป็นการประหาร!

แต่ว่า…การประหาร ก็คือ ขั้นตอนทางด้านกฎหมาย ปัญหาเป็น คนหยาบช้าบางบุคคล ต่ำทรามโดยใจอุปนิสัย เมื่อเข้าเรือนจำไปแล้ว เขาจะเป็นเยี่ยงไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดี ฆ่า..กระทำชำเรา ใช่หรือไม่ ที่เหล่าผู้ต้องขัง “เกลียดชัง” คนหยาบช้ารูปแบบนี้ มีเหตุมีผลอะไร แล้วก็เพราะเหตุไรถึงพ้นตารางเร็วนัก หัวข้อนี้ กลุ่มข่าวสารเฉพาะกิจไทยเมืองออนไลน์ มีคำตอบ

คนเข้าเรือนจำใหม่แทบจะไม่ลด-ลดคนภายในเรือนจำ จำต้องพึ่งอภัยโทษ

เหตุการณ์คนล้นตารางในตอนนี้เกือบจะไม่ได้มีความแตกต่างจาก 10 ปีกลาย จากภาพที่ 2 จะมองเห็นได้ว่าปริมาณผู้ต้องขังอยู่ที่ 3.0 แสนคนภายในปี 2556 และก็มากขึ้นเป็น 3.6 แสนคนภายในปี 2563 ก่อนน้อยลงเหลือ 2.6 แสนคนภายในปี 2565 ซึ่งเมื่อพินิจพิจารณาลึกลงไป จะพบว่าในแต่ละปีมีปริมาณผู้เข้าคุกรายใหม่ไม่ต่ำลงมากยิ่งกว่า 2 แสนคน จนกระทั่งข้างหลังปี 2563 ที่มีการระบาดของวัววิด-19 ปริมาณดังกล่าวข้างต้นน้อยลงเหลือ 1.7-1.8 แสนคน ในเวลาที่ตั้งแต่แมื่อปี 2558 เป็นต้นมา ปริมาณผู้ออกมาจากคุกอยู่ที่ราว 2 แสนคนต่อปี โดยครึ่งเดียวนั้นได้รับการปล่อยตัวเพราะว่าต้องโทษถึงกำหนด

สิ่งที่ทำเป็นในทางสังคมเป็นจำต้องควบคุมคนประเภทนี้ให้นานที่สุด ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ก.ยุตำหนิธรรม ได้มีการเปลี่ยนข้อบังคับ ประเด็นการขอสิ่งของอภัยโทษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคดีอาชญากรรม สะเทือนใจ จะมิได้รับการอภัยโทษ หรือ ได้รับการเลื่อนชั้นผู้ต้องขัง ช้ากว่าคดีอื่นๆตอนเข้ามาจะเป็นผู้ต้องขังชั้นเลว หรือ ต่ำทรามมากมาย เรียกว่า กว่าจะได้ใคร่ครวญการอภัยโทษ จำต้องติดตะรางอย่างต่ำ 7 ปีบริบูรณ์

“เอาง่ายๆเป็น แม้มีการอภัยโทษ ในตอน 7 ปีแรก จะหมดสิทธิ์ได้รับ แม้กระนั้นภายหลัง 7 ปีไปแล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีจังหวะได้ แต่ว่าจังหวะจะน้อยมาก เนื่องจากมีการเปลี่ยนกฎที่ว่า เป็นผู้ต้องขังชั้นกึ่งกลาง จะมิได้รับการพินิจพิเคราะห์ ควรเป็นผู้ต้องขังคุณภาพดีสิ่งเดียว ต้นสายปลายเหตุที่เป็นแบบนี้เนื่องจากเขามีแนวความคิดเป็น การขังกลุ่มคนเหล่านี้ให้นานที่สุด เพื่อจัดการกับปัญหาให้คนกลุ่มนี้ออกไปรังแกผู้อื่น”

ศูนย์ข่าวจากกรมราชทัณฑ์เผยอีกว่า ยุคเก่ากลุ่มคนเหล่านี้มันหลุดเร็ว ด้วยเหตุว่ามันประพฤติดี ไม่ยินยอมทำผิดเลย ก็เลยทำให้พ้นโทษไว แม้กระนั้นขณะนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นแล้ว…

ถามคำถามว่าข้าราชการเขาขัดเกลามันดีไหม…คำตอบเป็นทำอย่างยอดเยี่ยม แต่ว่าด้วยความสำนึกของคนกลุ่มนี้ มันยากที่จะปรับปรุง เพราะก่อนที่จะเข้ามาก็อยู่ในสังคมมานาน 10-20 ปี แม้กระนั้นจะปรับแก้ใน 3 เดือน มันเป็นได้ยาก

สุดทน! หนุ่มพุ่งหาตำรวจ วอนให้จับขังคุก ลั่น อยู่ในคุกดีกว่าอยู่กับเมีย

เบื้องหน้าเบื้องหลัง ปัจจัย “ผู้ต้องขัง” เกลียดชังเดนมนุษย์ก่ออาชญากรรมฆ่า กระทำชำเรา

สำหรับ มูลเหตุที่กรุ๊ปผู้ต้องขังทั่วๆไป หรือ ผู้ต้องขังที่มีโทษสูง ตัวอย่างเช่น คดีสารเสพติด จะชังเดนมนุษย์ที่ก่ออาชญากรรมฆ่าเด็ก รังควานเด็ก ฆ่าขืนใจสตรี มากมาย เพราะเหตุว่า ผู้ต้องขังพวกนั้นเขาเห็นว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก มิได้รับการพินิจพิเคราะห์การลดโทษไปด้วย

ดังนี้ พวกคดีฆ่ากระทำชำเรา มันจะไม่ยินยอมบอกคนใดกันแน่ทั้งหมด ผู้ที่ทราบ ก็คือ พัศดี รวมทั้งข้าราชการคุก แม้มีข่าว ทางน้ำนจำก็จะไม่เผยแพร่ ข้าราชการเขาก็ไม่ต้องการจะบอก เพราะเหตุว่ากลัวว่า คนล้นคุก เมื่อผู้ต้องขังคดีฆ่าข่มขืนกระทำชำเรา เข้ามาเวลาใด จะโดนลงประชาทัณฑ์ หรือแม้กระทั้งการโดนรุมกระทำชำเรา เสมือนเป็นการ ข่มขืนกระทำชำเราเพื่ออบรมสั่งสอน

“พวก…มิได้รับการ “ยกโทษฯ” ก็เนื่องจากพวก… สังคมไม่รับก็เนื่องจากพวก…”

เมื่อถามคำถามว่า ในอดีตกาลคนพวกนี้ถูกกระทืบจนตาย ศูนย์ข่าวจากกรมราชทัณฑ์สารภาพว่า มีการรุมทำร้าย แต่ว่าก็ไม่ถึงกับเสียชีวิต แม้กระนั้นกว่าจะห้ามได้ก็โดนจนกระทั่งอ่วม สำหรับ คดีที่ผู้ต้องขังในคุก ปฏิเสธและก็แสดงความไม่ชอบเยอะที่สุดหมายถึงคดีฆ่าบิดามารดา รองลงมือ คดีขืนใจแล้วฆ่า โดยยิ่งไปกว่านั้นเด็กรวมทั้งเพศหญิง

“ผู้ที่ก่ออาชญากรรมความทางเพศมา พอเพียงมาอยู่ภายในจะประพฤติชอบมากมาย ไม่กล้าที่จะไปล่วงเกินหรือขืนใจใครกันแน่ ตรงข้าม จะเป็นข้างที่โดนทำมากยิ่งกว่า สมมุติว่า คดีปัจจุบัน ที่ไปรังควานสาวแว่น ถ้าหากคนภายในเรือนจำรู้ดีว่ามันเป็นผู้ใดกันแน่ มันก็จะโดนแน่นอนผู้ที่ทำกรรมกลุ่มนี้ บางบุคคลเข้ามาในคุก แปลงเป็นไม่ถูกเพศไปเลย เนื่องจากว่าโดนคนภายในคุกปฏิบัติ บางบุคคลแปลงเป็นกะเทย เกย์ ไป เนื่องมาจากถูกโดนขืนใจในตารางเป็นประจำราวกับเป็นบาปกรรมตอบสนอง” แม้กระนั้น…ก็มีเรื่องมีราวแปลกอยู่เป็น เมื่อมันอยู่ในตาราง แปลงเป็นกะเทย เป็นเกย์ แต่ว่าเมื่อมันออกมาได้ มันก็ไปข่มขืนกระทำชำเราบุคคลอื่นอีก เนื่องจากว่ากลุ่มคนเหล่านี้ “จิตไร้สำนึก” มิได้ถูกปรับปรุงโดยถาวร